วิธีการหาแนวรับและแนวต้าน

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในวงการเทรด เพิ่งเริ่มต้น หรือกำลังมองหาวิธีพัฒนากลยุทธ์ที่ใช้อยู่ ทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ “การหาแนวรับและแนวต้าน” สองคำนี้เป็นพื้นฐานของแทบทุกกราฟราคา แต่แนวรับและแนวต้านคืออะไร และทำไมมันจึงสำคัญต่อความสำเร็จของคุณในการเทรด? มาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน! เข้าร่วมกับเราเพื่อดำดิ่งสู่โลกของการเทรดด้วยแนวรับและแนวต้าน!
คุณอาจเคยเห็นราคาที่ “ดีดกลับ” หรือ “กลับทิศทาง” ในบางโซน นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! นั่นคือแนวรับและแนวต้าน การเข้าใจระดับเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการอ่านกราฟอย่างมืออาชีพ แต่คุณจะใช้มันอย่างไร? และที่สำคัญกว่านั้น คุณจะมองเห็นมันได้อย่างไร? บทความนี้จะอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจง่ายและใช้งานได้จริง มาเริ่มกันเลย!
แนวรับและแนวต้านในการเทรดคืออะไร?
เริ่มจากพื้นฐานที่สุดก่อน นั่นคือ แนวรับและแนวต้าน ในการเทรดคืออะไร?
- แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่มีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะหยุดการลดลงของราคา คุณสามารถคิดว่ามันคือ “พื้น” ของราคา
- แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่แรงขายเข้ามามากจนทำให้ราคาหยุดขึ้นต่อได้ คุณสามารถคิดว่ามันคือ “เพดาน” ของราคา
เมื่อคุณเข้าใจจริงๆ ว่าแนวรับและแนวต้านคืออะไร คุณจะเห็นว่าตลาดเคลื่อนไหวเป็นคลื่น กระทบพื้นและเพดานซ้ำๆ แล้วแนวเหล่านี้สำคัญยังไงล่ะ?
แนวรับและแนวต้านสำคัญเพราะราคามักเคารพระดับเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง กลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็สร้างขึ้นจากแนวคิดของแนวรับและแนวต้านนี่เอง
ทำไมการเทรดโดยใช้แนวรับและแนวต้านถึงได้ผลและสำคัญมาก
คุณอาจสงสัยว่า “ทำไมการเทรดโดยใช้แนวรับและแนวต้านถึงได้ผลดีและสำคัญนัก?” คำตอบคือเพราะ “จิตวิทยาตลาด” เมื่อราคามาถึงระดับหนึ่งที่เคยกลับตัวมาก่อน เทรดเดอร์จะจดจำมันไว้ ถ้าราคาดีดกลับจาก 50 ดอลลาร์หลายครั้ง ระดับนั้นก็กลายเป็นแนวรับ และถ้าราคาถูกปฏิเสธที่ 70 ดอลลาร์บ่อยครั้ง ระดับนั้นก็กลายเป็นแนวต้าน เทรดเดอร์มืออาชีพจะจดบันทึกระดับเหล่านี้ไว้และใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อทำกำไร
กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้ในทุกตลาด เช่น:
- หุ้น
- คริปโต (รวมถึงบิตคอยน์)
- ฟอเร็กซ์
- สินค้าโภคภัณฑ์
กล่าวอีกอย่างคือ เมื่อคุณเข้าใจแนวรับและแนวต้านอย่างแท้จริง คุณสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ได้กับทุกตลาด ช่วยให้คุณกระจายพอร์ตและเพิ่มโอกาสในการเทรดได้มากขึ้น
วิธีการหาแนวรับและแนวต้าน
คำถามใหญ่คือ แล้วเราจะมองหาแนวรับและแนวต้านได้อย่างไร? การเข้าใจแนวคิดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การมองเห็นและระบุแนวเหล่านี้ได้จะทำให้คุณต่างออกไปจากคนอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วง่ายกว่าที่คิด เพียงแค่ต้องฝึกฝน นี่คือวิธีเริ่มต้นในการหาแนวรับและแนวต้าน:

1. ใช้ข้อมูลราคาย้อนหลังให้เป็นประโยชน์
ดูด้านซ้ายของกราฟ ตรงจุดที่ราคากลับตัวในอดีต มีแนวโน้มว่านั่นคือระดับแนวรับหรือแนวต้าน
2. มองหาจุดที่มีการแตะหลายครั้ง
ถ้าระดับใดถูกทดสอบหลายครั้งโดยที่ไม่ถูกทะลุ แสดงว่าระดับนั้นเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง
3. ใช้สัญญาณจากแท่งเทียน
ไส้เทียนมักแสดงถึงการพยายามทะลุที่ล้มเหลว ซึ่งจุดเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมในการหาแนวรับและแนวต้าน
4. สลับกรอบเวลา
สิ่งที่ดูยุ่งบนกราฟ 5 นาที อาจจะชัดเจนขึ้นบนกราฟ 4 ชั่วโมงหรือกราฟรายวัน กลยุทธ์แนวรับแนวต้านที่ดีที่สุดมักใช้หลายกรอบเวลาเพื่อให้เห็นภาพรวมที่แม่นยำขึ้น
5. จดบันทึกตัวเลขจิตวิทยา
ตัวเลขกลมๆ อย่าง 100 ดอลลาร์, 10,000 ดอลลาร์ หรือแม้แต่ 1 ดอลลาร์ มักทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้าน เนื่องจากเป็นจุดที่อารมณ์ของเทรดเดอร์เข้ามามีบทบาท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแนวคิดแนวรับและแนวต้าน
วิธีการหาแนวรับแนวต้านและเครื่องมือที่ควรใช้
นอกจากการสังเกตด้วยตาและทักษะการอ่านกราฟแล้ว ยังมีเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมากมายที่ช่วยให้คุณเรียนรู้การหาแนวรับและแนวต้าน มาดูเครื่องมือยอดนิยมกัน:
- เส้นแนวนอน (Horizontal Lines): ใช้วาดผ่านจุดสูงสุดและต่ำสุด
- เส้นแนวโน้ม (Trendlines): เส้นทแยงที่แสดงแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิก
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ทำหน้าที่เป็นแนวรับ/แนวต้านแบบลอยตัว
- ฟีโบนัชชีรีเทรซเมนต์ (Fibonacci Retracements): ช่วยบ่งบอกจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
- โปรไฟล์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Profile): แสดงบริเวณราคาที่มีปริมาณซื้อขายหนาแน่น
มาถึงตรงนี้แล้ว แต่ยังสงสัยอยู่ว่าจะหาแนวรับและแนวต้านที่ใช้งานได้จริงได้อย่างไรใช่ไหม? วิธีที่ดีที่สุดคือการวาดด้วยตัวคุณเอง แม้ว่าเครื่องมือช่วยจะมีประโยชน์ แต่สัญชาตญาณของคุณจะพัฒนาได้จากการสังเกตซ้ำๆ
จิตวิทยาการเทรดเบื้องหลังการหาแนวรับและแนวต้าน
นี่คือจุดที่น่าสนใจที่สุด — จิตวิทยาการเทรดเกี่ยวกับแนวรับและแนวต้าน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่สุด! เมื่อคุณเข้าใจจริงๆ ว่าการเทรดด้วยแนวรับและแนวต้านคืออะไร คุณจะรู้ว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับ “ราคา” เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับ “พฤติกรรมของเทรดเดอร์” โดยตรง
มาดูตัวอย่างในสถานการณ์จริงกัน:
- สมมติว่าราคาลดลงมาที่แนวรับ → ผู้ซื้อเริ่มเข้ามา → ราคากลับตัวขึ้น
- สมมติว่าราคาขึ้นไปที่แนวต้าน → ผู้ขายเข้ามา → ราคาลดลง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ง่ายมาก เพราะเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะจดจำการกลับตัวในอดีตและตอบสนองตามนั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเรียนรู้วิธีหาแนวรับและแนวต้านจึงสำคัญ เพราะมันคือการเข้าใจพฤติกรรมของผู้คนในตลาด
กลยุทธ์สำหรับผู้เริ่มต้นในการหาแนวรับและแนวต้าน
มาเปลี่ยนทฤษฎีให้เป็นการปฏิบัติจริง! หากคุณเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้การเทรดด้วยแนวรับและแนวต้าน ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ง่ายๆ แต่ทรงพลังที่จะช่วยคุณได้มาก:
1) กลยุทธ์การดีดกลับ (Bounce Strategy) – มันทำงานอย่างไร?
- ระบุแนวรับและแนวต้านที่แข็งแรง
- รอให้ราคามาแตะระดับนั้น
- เข้าเทรดในทิศทางตรงข้าม
- ยืนยันสัญญาณด้วยปริมาณการซื้อขายหรือรูปแบบแท่งเทียน
2) กลยุทธ์การทะลุแนว (Breakout Strategy) – มันทำงานอย่างไร?
- ราคาทะลุเหนือแนวต้านหรือทะลุต่ำกว่าแนวรับ
- รอการรีเทสต์ (ทดสอบซ้ำ) ที่ระดับเดิม
- เข้าเทรดตามทิศทางของการทะลุแนวด้วยแรงโมเมนตัม
3) กลยุทธ์ในกรอบราคา (Range Strategy) – มันทำงานอย่างไร?
- ราคาขยับอยู่ระหว่างสองระดับ คือแนวรับและแนวต้าน
- ซื้อเมื่อราคาถึงแนวรับ ขายเมื่อราคาถึงแนวต้าน
กลยุทธ์เหล่านี้เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพสูง และทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสามารถในการระบุแนวรับและแนวต้านได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นการเรียนรู้วิธีการสังเกตระดับเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของคุณในเส้นทางการเทรด

สรุป: วิธีหาแนวรับและแนวต้านในการเทรด
ขอแสดงความยินดีที่คุณอ่านมาถึงจุดนี้! มาทบทวนกันอีกครั้งว่าแนวรับและแนวต้านในการเทรดคืออะไร:
- แนวรับคือบริเวณที่ราคามักจะหยุดการลดลง
- แนวต้านคือบริเวณที่ราคามักจะหยุดการขึ้น
- ระดับเหล่านี้เกิดขึ้นจากจิตวิทยาและพฤติกรรมซ้ำๆ ของเทรดเดอร์ หรือที่เรียกว่า “รูปแบบ (Patterns)”
- การเข้าใจและฝึกฝนวิธีการหาแนวรับและแนวต้านคือกุญแจสำคัญในการระบุจุดเข้าและจุดออกของการเทรด
ดังนั้น หากคุณยังไม่แน่ใจว่าแนวรับและแนวต้านคืออะไร โปรดจำไว้ว่ามันคือจุดที่แรงซื้อและแรงขายมาบรรจบกัน และเป็นจุดที่เทรดเดอร์หลายคนได้กำไรหรือขาดทุน การฝึกฝนการมองเห็นระดับเหล่านี้คือความรู้ที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นเทรด
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นและต้องการเรียนรู้ศัพท์เทรดและแนวปฏิบัติในชีวิตจริงเพิ่มเติม อย่าลืมติดตาม EC Markets เราจะพาคุณไปสำรวจหัวข้อเทรดอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาจากมือใหม่ไปสู่เทรดเดอร์ที่มีความรู้ได้ในเวลาไม่นาน!