ทำความเข้าใจข้อมูลเงินเฟ้อ: CPI, Core CPI และเหตุผลที่มีความสำคัญ
เงินเฟ้อเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาด เมื่อมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อใหม่ในแต่ละเดือน เทรดเดอร์ในตลาดสกุลเงิน หุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างก็จับตามอง การเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วของเงินเฟ้อสามารถเปลี่ยนความคาดหวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและทำให้ตลาดเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
CPI คืออะไร?
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด มันวัดราคาที่ผู้บริโภคจ่ายสำหรับ “ตะกร้า” สินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน กล่าวอย่างง่าย ๆ CPI วัดว่าคุณจ่ายเงินมากขึ้น (หรือน้อยลง) เทียบกับปีที่แล้วเท่าไร ในทางปฏิบัติ CPI รวมถึงของใช้ประจำวัน เช่น ของชำ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย ค่าพลังงาน การรักษาพยาบาล และการขนส่ง ดังนั้นเมื่อเรากล่าวว่า CPI เพิ่มขึ้น 2% หมายความว่าราคาเฉลี่ยของตะกร้าสินค้านั้นสูงขึ้น 2% จากปีก่อน เนื่องจากสะท้อนต้นทุนการดำรงชีพโดยรวม CPI จึงถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลักทั่วโลก ใช้โดยผู้กำหนดนโยบายในการติดตามแนวโน้มราคา และใช้โดยธุรกิจและผู้บริโภคในการปรับค่าจ้าง ค่าเช่า และสัญญาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเงินเฟ้อ
Core CPI คืออะไร?
ผู้กำหนดนโยบายมักกล่าวถึง Core CPI ซึ่งเป็น CPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เนื่องจากราคาสินค้าเหล่านี้อาจผันผวนมากจากสภาพอากาศ ภูมิรัฐศาสตร์ หรือช็อกด้านอุปทาน Core CPI จึงช่วยตัดความผันผวนออกเพื่อแสดงแนวโน้มพื้นฐาน ธนาคารกลางมักติดตามเงินเฟ้อพื้นฐานเพราะให้ภาพที่นิ่งกว่าเกี่ยวกับแรงกดดันด้านราคา กล่าวโดยสรุป Core CPI ช่วยให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของราคามาจากทุกภาคส่วนหรือเป็นเพียงผลมาจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นชั่วคราว ตลาดจึงมักตอบสนองต่อ Core CPI อย่างรุนแรง เพราะถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเงินเฟ้อในอนาคตภายใต้สถานการณ์ปกติ
CPI vs Core CPI: เงินเฟ้อโดยรวมเทียบกับแนวโน้มพื้นฐาน

การเปรียบเทียบระหว่างเงินเฟ้อโดยรวมและเงินเฟ้อพื้นฐาน แสดงให้เห็นว่าทำไมตลาดถึงให้ความสำคัญกับตัวเลข Core CPI
ทำไมข้อมูลเงินเฟ้อจึงสำคัญต่อเทรดเดอร์
สำหรับเทรดเดอร์ รายงานเงินเฟ้อมักมีความสำคัญมาก เพราะมีผลต่อความคาดหวังด้านนโยบายการเงิน กล่าวง่าย ๆ คือ เงินเฟ้อสูงมักทำให้ธนาคารกลางต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น (เช่น ขึ้นดอกเบี้ยหรือลดการซื้อสินทรัพย์) อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมักผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และกดดันสินทรัพย์ที่อ่อนไหวต่อราคา ตัวอย่างเช่น ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจส่งผลเสียต่อบริษัทที่เติบโตเร็วหรือบริษัทขนาดเล็ก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้การกู้ยืมมีราคาแพงขึ้น และราคาหุ้นอาจปรับลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น เช่นเดียวกับพันธบัตรที่ราคามักลดลงเมื่ออัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
หาก CPI ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ เทรดเดอร์จะคาดว่านโยบายจะเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งมักหมายถึงผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น และหุ้นจำนวนมาก (โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโตที่พึ่งพาเงินทุนราคาถูก) อาจปรับตัวลง
หาก CPI ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ มักช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ย เงินเฟ้อต่ำหรือกำลังชะลอตัวมักช่วยหนุนตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ เพราะบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่ในระดับต่ำหรืออาจลดลง
โดยสรุป รายงาน CPI และ Core CPI เป็นตัวกำหนดความคาดหวังด้านอัตราดอกเบี้ย ทุกการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขเหล่านี้จะปรับมุมมองเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืม และส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ทุกประเภท
เงินเฟ้อกับเทรดเดอร์ทั่วไป
เงินเฟ้อยังมีความสำคัญในทางปฏิบัติ เทรดเดอร์มักทำเครื่องหมายวันประกาศ CPI ไว้ในปฏิทิน เพราะตัวเลขมักทำให้เกิดความผันผวนในวันนั้น หากตัวเลข CPI จริงแตกต่างจากคาดการณ์ของตลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดความผันผวนทันที เนื่องจากตลาดต้องรีบปรับสถานะ
- ตลาด FX: ค่าเงินอาจพุ่งขึ้นหรือตกลงจากเซอร์ไพรส์ของ CPI ตัวอย่างเช่น CPI สูงกว่าคาดอาจทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น (เพราะเทรดเดอร์คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย) หรืออ่อนค่าหากความเชื่อมั่นลดลง
- สินค้าโภคภัณฑ์: สินค้าบางประเภทมีความอ่อนไหวต่อเงินเฟ้อ เช่น ทองคำซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ น้ำมันและวัตถุดิบอื่น ๆ ก็อาจตอบสนองได้ หากเงินเฟ้อสูงบ่งบอกถึงความต้องการที่แข็งแกร่ง
- ผู้บริโภคและเศรษฐกิจ: เงินเฟ้อสูงทำให้กำลังซื้ออ่อนลง หมายความว่าเงินจำนวนเท่าเดิมซื้อของได้น้อยลง เมื่อค่าใช้จ่ายของผู้คนเพิ่มขึ้นเร็ว ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจลดลงและการใช้จ่ายชะลอตัว (ซึ่งเป็นภาระต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ)
โดยรวมแล้ว เทรดเดอร์มองการประกาศเงินเฟ้อเป็นเหตุการณ์ที่ต้องเตรียมพร้อมรับความผันผวนและโอกาสในการเทรด ความประหลาดใจครั้งใหญ่ในรายงาน CPI อาจทำให้ตลาดหุ้น พันธบัตร FX และสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนได้ นั่นคือเหตุผลที่ปฏิทินเศรษฐกิจเน้นวันประกาศ CPI อย่างชัดเจน และเทรดเดอร์จะปรับคำสั่งซื้อทันทีที่ข้อมูลถูกเผยแพร่
สรุป
CPI และ Core CPI ไม่ใช่เพียงตัวเลขสถิติรายเดือนที่ดูแห้งแล้ง แต่มันเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของความเชื่อมั่นตลาดและความต้องการรับความเสี่ยง ด้วยการกำหนดความคาดหวังด้านอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเงินเฟ้อจึงกำหนดทิศทางนโยบายของธนาคารกลาง และส่งผลต่อผลตอบแทนพันธบัตรและราคาหุ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการกำหนดราคาของธุรกิจ ดังนั้น เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะไม่มองรายงานเงินเฟ้อเป็นเพียงตัวเลขโดด ๆ แต่เป็นสัญญาณสำคัญของโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ การติดตาม CPI (รวมถึงตัวเลขพื้นฐาน) จึงช่วยให้คุณนำหน้าในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน แนวโน้มตลาด และโอกาสในการเทรด
ที่ EC Markets เราอธิบายแนวคิดเหล่านี้ไว้ในบทสรุปตลาดรายสัปดาห์ของเรา หากต้องการทราบเพิ่มเติม โปรดอ่านต่อที่นี่