การสร้างกลยุทธ์การเทรด
คุณเคยรู้สึกไหมว่าบางครั้งคุณเทรดโดยการ “เดา”? คลิกซื้อเพราะ “รู้สึกว่ามันใช่” แล้วก็แค่หวังว่าผลจะออกมาดี? เชื่อไหมว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายคนมากกว่าที่คุณคิด แต่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ รู้กฎข้อหนึ่ง และยึดถือมันเสมอ: คุณจะไม่ชนะด้วยการเดา คุณจะชนะด้วยแผน ด้วยกลยุทธ์ ด้วยสิ่งที่คุณเชื่อมั่นและทำตามอย่างเคร่งครัด และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการสร้างกลยุทธ์เดย์เทรดที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ในบทความนี้ เราจะอธิบายทีละขั้นตอนว่าคุณจะสร้างกลยุทธ์การเทรดส่วนตัวตั้งแต่เริ่มต้นได้อย่างไร โดยจะประกอบด้วย:
- ความแตกต่างระหว่างกลยุทธ์เดย์เทรดและกลยุทธ์ออปชันเทรด
- วิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ของคุณถูกปรับแต่งอย่างเหมาะสม
- วิธีปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงของคุณ
- วิธีรักษาวินัยในการทำตามแผนเมื่ออารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เริ่มกันจากพื้นฐานที่สุดและสร้างกลยุทธ์ของคุณไปทีละขั้นตอน โดยเริ่มจาก “กลยุทธ์การเทรดคืออะไร”
กลยุทธ์เดย์เทรดคืออะไร?

ก่อนที่เราจะลงลึกในรายละเอียด มาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อน กลยุทธ์การเทรด คือชุดของกฎที่กำหนดว่า:
- เมื่อใดควรเข้าเทรด
- เมื่อใดควรออก (ทั้งตอนกำไรหรือขาดทุน)
- จะรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน
- ควรสังเกตสภาพตลาดแบบใด
เป้าหมายหลักคือ “ความสม่ำเสมอ” กลยุทธ์ที่ดีช่วยลดการเดาและทำให้คุณตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร หรือแม้ในช่วงที่คุณมีอารมณ์ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะสร้างกลยุทธ์เดย์เทรด หรือวางแผนกลยุทธ์การเทรดออปชัน โครงสร้างพื้นฐานก็ยังเหมือนกัน เพียงแต่เครื่องมือและกรอบเวลาที่ใช้ต่างกัน
วิธีสร้างกลยุทธ์เดย์เทรด
มาพูดถึงกลยุทธ์เดย์เทรดกัน เดย์เทรดคือการเข้าและออกจากการเทรดภายในวันเดียว บางครั้งภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง มันเป็นรูปแบบการเทรดที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็ว มีวินัยสูง และต้องมีแผนการที่มั่นคง เมื่อคุณสร้างแผนที่มั่นใจแล้ว คุณต้องยึดมั่นกับมัน
แล้วกลยุทธ์เดย์เทรดที่ดีควรมีอะไรบ้าง? มาดูขั้นตอนที่ช่วยให้คุณวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. กำหนดกฎการเข้าเทรด
คุณไม่สามารถซื้อเพียงเพราะ “ราคาดูถูก” ได้ คุณต้องมีสัญญาณที่ชัดเจนเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ตัวอย่างสัญญาณที่ควรพิจารณาได้แก่:
- การทะลุแนวรับ/แนวต้าน
- รูปแบบแท่งเทียน (เช่น Engulfing, Pin Bar)
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตัดกัน
2. วางแผนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง
เดย์เทรด เป็นการเทรดที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ดังนั้นการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) และการกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) จึงเป็นสิ่งจำเป็นในกลยุทธ์เดย์เทรดที่มีประสิทธิภาพ วางแผนการจัดการความเสี่ยงของคุณให้ดีและทำตามอย่างเคร่งครัด
3. ตั้งเป้าหมายกำไรอย่างชัดเจน
คุณจะทำกำไรเมื่อใด? ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (ตัวอย่างเช่น 1:2 ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด) เพื่อกำหนดเป้าหมายก่อนเข้าเทรดจริง
4. กรอบเวลาและเครื่องมือ
กลยุทธ์เดย์เทรดส่วนใหญ่ใช้กราฟ 1 นาที 5 นาที หรือ 15 นาที เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่:
- VWAP (ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณ)
- RSI
- พฤติกรรมราคา (Price Action)
กุญแจสำคัญของกลยุทธ์เดย์เทรดที่ประสบความสำเร็จคืออะไร? หากจะสรุปให้สั้นที่สุด คำตอบคือ “รูปแบบที่ทำซ้ำได้และการควบคุมอารมณ์” หากคุณจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ดี เดย์เทรดอาจเป็นรูปแบบการเทรดที่เหมาะกับคุณ
กลยุทธ์การเทรดออปชัน
ต่อไปเรามาพูดถึงกลยุทธ์การเทรดออปชัน ออปชัน คือสิทธิ์ (แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่ราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด สิ่งนี้ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่แน่นอนว่าก็เพิ่มความซับซ้อนด้วย มาดูกันว่าทำงานอย่างไร
วิธีสร้างกลยุทธ์การเทรดออปชันที่เชื่อถือได้
1. เลือกมุมมองตลาด: ขาขึ้น ขาลง หรือเป็นกลาง
แต่ละกลยุทธ์จะสอดคล้องกับมุมมองของตลาด ดังนี้:
- หากมองขาขึ้น? พิจารณาซื้อ Call หรือใช้กลยุทธ์ Bull Call Spread
- หากมองขาลง? ใช้ Put ระยะยาว หรือกลยุทธ์ Bear Put Spread
- หากมองเป็นกลาง? ลองใช้ Iron Condor, Straddle หรือ Strangle
2. กำหนดความเสี่ยงและผลตอบแทน
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดออปชันคือคุณสามารถกำหนดความเสี่ยงล่วงหน้าได้ คุณควรรู้เสมอว่า:
- ขาดทุนสูงสุด
- กำไรสูงสุด
- จุดคุ้มทุน
3. เลือกราคาใช้สิทธิ์และวันหมดอายุ
ราคาที่ใช้สิทธิ์ควรสอดคล้องกับความมั่นใจของคุณ และวันหมดอายุควรให้เวลาเพียงพอให้เทรดดำเนินไป เว้นแต่ว่าคุณกำลังเทรดระยะสั้นแบบสเกลป์ (Scalping)
4. การรับรู้ความผันผวน
ความผันผวนโดยนัย (Implied Volatility) มีผลต่อราคาของออปชัน กลยุทธ์การเทรดออปชันหลายแบบอาศัยความผันผวนที่เพิ่มขึ้น (ฝั่งผู้ซื้อ) หรือความผันผวนที่ลดลง (ฝั่งผู้ขาย) ดังนั้นจังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากในกรณีนี้
วิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์เดย์เทรด และทำไมมันถึงสำคัญ
คุณมีกลยุทธ์ในใจแล้วหรือยัง? เยี่ยมเลย! แต่คำถามคือ:
คุณรู้ได้อย่างไรว่ามันใช้ได้ผลจริง? คุณเคยทดสอบมันด้วยตัวเองไหม? ถ้ายังไม่เคย นี่แหละคือเหตุผลที่คุณต้องรู้วิธีการทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์การเทรด
มาดูกันว่าเราจะทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องอย่างไร นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของแผนการเทรดของคุณ ดังนั้นนี่คือคู่มือแบบทีละขั้นตอนเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นได้
ขั้นตอนการทดสอบย้อนหลังทีละขั้น:
1. กำหนดกฎให้ชัดเจน
เมื่อกำหนดกฎของคุณ ต้องชัดเจน ถามตัวเองว่าปัจจัยใดเป็นตัวกระตุ้นให้เข้าเทรด และสัญญาณใดที่ยืนยันให้คุณออกเทรด
2. เลือกตลาดและกรอบเวลา
คุณกำลังทดสอบกลยุทธ์เดย์เทรดบนกราฟ 5 นาที? หรือทดสอบกลยุทธ์ออปชันเทรดบนกราฟรายวัน? เลือกตลาดและกรอบเวลาที่เหมาะกับคุณ แล้วนำไปทดสอบและประยุกต์ใช้
3. ย้อนเวลาดูกราฟ
ใช้กราฟย้อนหลัง ดูทีละแท่งเทียนและจำลองการเทรดตามกฎของคุณ
4. บันทึกผลลัพธ์
จดรายละเอียดทุกอย่าง รวมถึง:
- ราคาเข้าเทรด
- ราคาออกเทรด
- จุดตัดขาดทุน
- กำไร/ขาดทุน
- อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
- อัตราชนะ (Win Rate)
5. วิเคราะห์ข้อมูล
ค้นหารูปแบบที่เกิดซ้ำ กลยุทธ์ของคุณสร้างกำไรระยะยาวหรือไม่? รูปแบบใดที่ได้ผลดีกว่ากัน?

เมื่อคุณเรียนรู้วิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์การเทรด คุณจะสามารถตัดการเดาออกจากสมการ และสร้างความมั่นใจในกลยุทธ์ของตัวเองได้
เริ่มสร้างกลยุทธ์การเทรดของคุณกันเลย!
การสร้างกลยุทธ์เดย์เทรดของคุณเอง
ต่อไปนี้คือวิธีเริ่มต้นสร้างกลยุทธ์ของคุณเอง มาดูกันทีละขั้นตอน
1. ตลาดและกรอบเวลา
เลือกตลาดที่คุณจะเน้น เช่น:
- หุ้น คริปโต หรือฟอเร็กซ์?
- จะเทรดระหว่างวัน (Day Trade) หรือเทรดแบบสวิง (Swing Trade)?
2. เครื่องมือ/อินดิเคเตอร์
ตัดสินใจว่าคุณจะใช้เครื่องมือใด:
- พฤติกรรมราคา (Price Action)
- RSI, MACD, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
3. กฎการเข้าเทรด
ตัวอย่างเช่น: “เข้าเทรดเมื่อราคาทะลุแนวต้านพร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 2 เท่าของค่าเฉลี่ย”
4. จุดตัดขาดทุนและการจัดการความเสี่ยง
กฎข้อแรกที่ต้องยึดไว้เสมอ: อย่าเสี่ยงเกิน 1–2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
5. กลยุทธ์การออกเทรด
ตัวอย่างเช่น: “ทำกำไรเมื่อราคาถึง 2 เท่าของความเสี่ยง หรือเมื่อ RSI เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป”
ไม่ว่าคุณจะทดสอบกลยุทธ์เดย์เทรด สร้างกลยุทธ์ออปชันเทรด หรือเรียนรู้วิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์การเทรด โครงสร้างนี้ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จในการเทรด
การปรับกลยุทธ์เดย์เทรดเมื่อคุณเติบโต
มีความลับที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่บอกคุณ: กลยุทธ์แรกของคุณอาจไม่ใช่กลยุทธ์สุดท้าย ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ง่ายมาก เพราะเมื่อคุณมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น คุณจะปรับปรุงวิธีการของคุณโดยอัตโนมัติ
บางทีคุณอาจเริ่มจากกลยุทธ์เดย์เทรดพื้นฐานโดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แล้วคุณก็เรียนรู้วิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์การเทรด และพบว่ารูปแบบบางอย่างเหมาะกับคุณมากกว่า จากนั้นคุณอาจเริ่มศึกษาและใช้กลยุทธ์ออปชันเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือเพิ่มผลกำไร
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ กลยุทธ์ของคุณควรเติบโตไปพร้อมกับคุณ นั่นคือความก้าวหน้า การยึดติดกับกลยุทธ์แรกที่คุณเริ่มต้นอาจจำกัดศักยภาพของคุณ ดังนั้นเมื่อคุณเรียนรู้มากขึ้น กลยุทธ์ของคุณก็ควรพัฒนาไปด้วย
สรุป: การสร้างกลยุทธ์เดย์เทรด
หากคุณอ่านมาถึงตอนนี้ แสดงว่าคุณควรเข้าใจแล้วว่า:
- องค์ประกอบของกลยุทธ์เดย์เทรดที่แข็งแกร่งคืออะไร
- วิธีออกแบบกลยุทธ์ออปชันเทรดที่ยืดหยุ่น
- และทำไมการเรียนรู้วิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์การเทรดจึงสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาว
มันง่ายมากที่จะวิ่งตามเทรดหรือคัดลอกคนอื่น แต่การสร้างกลยุทธ์ของคุณเองจะทำให้คุณควบคุมได้มากกว่า และอาจเป็นสิ่งที่แยกคุณออกจากการขาดทุนกับการทำกำไร
และในการเทรด “การควบคุม = พลัง” ดังนั้นจงใช้เวลาในการทดสอบ ปรับแต่ง และพัฒนา การเข้าใจวิธีทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์คือรากฐานของความมั่นใจ เมื่อคุณรู้ว่ากลยุทธ์ของคุณทำงานได้ในหลายสภาวะตลาด คุณจะไม่ต้องพึ่งดวงอีกต่อไป แต่พึ่งพาหลักฐานแทน เริ่มจากเล็ก ๆ รักษาความสม่ำเสมอ แล้วปล่อยให้กลยุทธ์ของคุณทำงานแทนคุณ
หากคุณทำตามกฎเหล่านี้ และฝึกฝนซ้ำ ๆ ในบัญชีเดโม คุณจะมีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งในเวลาไม่นาน
เราหวังว่าคุณจะสนุกกับคอร์ส “การสร้างกลยุทธ์การเทรด” นี้ หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดการเงินทั่วโลก โปรดติดตามอ่าน EC Markets Academy ต่อไป เพราะเราจะพาคุณจากเทรดเดอร์มือใหม่ไปสู่เทรดเดอร์ที่มีความรู้และมั่นใจในตัวเอง!