ทองคำทะลุ 3,500 ดอลลาร์ – เบื้องหลังที่แท้จริงคืออะไร
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทองคำเคยมีช่วงเวลาสำคัญมากมาย แต่การพุ่งทะลุระดับ 3,500 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เมื่อวันที่ 2 กันยายน ราคาทองคำแตะระดับ 3,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ชั่วคราว กลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก นับตั้งแต่เดือนมกราคม ราคาพุ่งขึ้นถึง 34% สำหรับสินทรัพย์ที่โดยปกติแล้วเคลื่อนไหวช้า ๆ นี่กลับดูเหมือนการวิ่งระยะสั้น แล้วอะไรคือปัจจัยขับเคลื่อนราคาขึ้นไป?
คำตอบที่ง่ายที่สุด: อัตราดอกเบี้ย นักเทรดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ อาจเป็นวันที่ 17 กันยายน บางคนถึงกับเชื่อว่ารายงานการจ้างงานที่อ่อนแอในวันศุกร์อาจเปิดทางให้ลดดอกเบี้ยแรงกว่าคาด เมื่อดอกเบี้ยต่ำลง พันธบัตรและบัญชีเงินฝากก็ให้ผลตอบแทนน้อยลง ทำให้ก้อนโลหะที่ไม่มีดอกเบี้ยดู… ก็ไม่ได้แย่นัก! บวกกับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ยิ่งช่วยหนุนแรงขับเคลื่อนราคาทองคำ
ต่อมาก็คือเงินเฟ้อ ใช่ มันเย็นลงจากระดับสูงสุดในปี 2022 แต่ก็ยังไม่หายไปทั้งหมด ตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักรเห็นดัชนีราคาผู้บริโภคกลับมาเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก ผู้คนซื้อทองคำเมื่อกังวลว่าราคาสินค้าจะกัดกินเงินออม ทองคำไม่ได้สร้างกระแสเงินสด แต่รักษามูลค่าไว้ได้ตลอดเวลา คิดเสียว่าเป็นเหมือนกรมธรรม์ประกันภัยที่คุณหวังว่าจะไม่ต้องใช้
ใครกันที่อยู่เบื้องหลังการซื้อ?
ไม่ใช่แค่นักลงทุนที่กังวลเท่านั้น ธนาคารกลาง ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่กำหนดทิศทางตลาด ก็กำลังเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องเช่นกัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1990 ที่ธนาคารกลางต่างประเทศถือครองทองคำมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สิ่งนี้บอกอะไรได้มากเกี่ยวกับความเชื่อมั่น และกองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ (SPDR Gold Trust) ก็กำลังกลับมาเต็มอีกครั้ง โดยแตะระดับการถือครองสูงสุดตั้งแต่ปี 2022 เมื่อทั้งสถาบันทางการและนักลงทุนทั่วไปอยู่ฝ่ายเดียวกัน แรงส่งก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทองคำทำผลงานแซงหุ้น พันธบัตร และบิตคอยน์ในปี 2025

ที่มา: TradingView. ดัชนีทั้งหมดคำนวณผลตอบแทนรวมเป็นดอลลาร์สหรัฐ ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ของผลการดำเนินงานในอนาคต ข้อมูล ณ วันที่ 3 กันยายน 2025
ปีนี้ทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 34% แซงหน้า S&P 500 (+9%) และบิตคอยน์ (+14%) ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลง กราฟนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทำไมนักลงทุนจึงมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์เด่นที่สุดในปี 2025
การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์… และความกังวล
รวมเข้ากับปัจจัยเหตุการณ์ทั่วโลกตามปกติ: ความขัดแย้งทางการค้า การถกเถียงทางการคลังที่วุ่นวายในวอชิงตัน และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กว้างขึ้น ทุกครั้งที่เกิดการปะทุขึ้น เงินก็จะไหลเข้าทองคำเพิ่มขึ้นเกือบโดยอัตโนมัติ เวลาที่สินทรัพย์อื่นสั่นคลอน ทองคำก็ได้ประโยชน์
บทสรุป
แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น? นักวิเคราะห์บางคนมองว่าทองคำอาจไต่ขึ้นไปถึง 3,700 ดอลลาร์ในปีหน้า หากธนาคารกลางยังคงเข้าซื้อและเฟดหันไปทางผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากราคาพุ่งขึ้นถึงหนึ่งในสามของมูลค่าในปีนี้ ไม่มีสินทรัพย์ใดที่ขึ้นได้เป็นเส้นตรง หากเฟดลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาด หรือหากตลาดสงบลง ราคาทองคำก็อาจชะงักหรืออ่อนตัวลงได้ง่าย
การที่ทองคำทะลุ 3,500 ดอลลาร์ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่มาจากการเดิมพันเรื่องดอกเบี้ยต่ำ ความกังวลเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ การซื้ออย่างแข็งแกร่งจากธนาคารกลาง และบรรยากาศโดยรวมที่ไม่มั่นคง ไม่ว่าจะยังคงพุ่งต่อหรือหยุดพัก ทองคำก็กลับมาเป็นเสมือนเครื่องวัดอารมณ์ของตลาดอีกครั้ง