สไตล์การเทรด: การเก็งกำไร, การเทรดประจำวัน, การเทรดสวิง, การเทรดตำแหน่ง อันไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด?
เมื่อพูดถึงสไตล์การเทรด ไม่มีแนวทางใดที่ใช้ได้กับทุกคนเท่ากัน บางเทรดเดอร์ชอบสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว ในขณะที่บางคนชอบแนวทางที่ช้ากว่าและเน้นระยะยาว การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับบุคลิกของคุณ เวลาที่คุณมี และระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ แล้วคุณจะตัดสินใจได้อย่างไรว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ? ไม่ต้องกังวล ในคอร์สนี้เราจะมาสำรวจสไตล์การเทรดหลัก 4 แบบ ได้แก่ การเทรดแบบสเกลป์ (Scalping Trading), การเทรดรายวันสำหรับผู้เริ่มต้น (Day Trading for Beginners), การเทรดแบบสวิง (Swing Trading) และการเทรดแบบโพสิชั่น (Position Trading) เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าสไตล์ใดเหมาะกับคุณที่สุด
เราจะมาตอบคำถามยอดนิยม เช่น สเกลป์ปิ้งในเทรดคืออะไร เดย์เทรดคืออะไร และโพสิชั่นเทรดคืออะไร พร้อมทั้งเปรียบเทียบว่า สวิงเทรดต่างจากเดย์เทรดยังไง เพื่อให้คุณเลือกแนวทางได้อย่างมั่นใจ
งั้นเริ่มกันเลย!
Scalping Trading คืออะไร และเหมาะกับคุณหรือไม่?

มาเริ่มกันด้วยสไตล์ที่รวดเร็วที่สุดสไตล์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเทรดเดอร์หลายคน: การเทรดแบบสเกลป์ (Scalping Trading) แล้วสเกลป์ปิ้งในเทรดคืออะไร? การเทรดแบบ สเกลป์ คือแนวทางที่เทรดเดอร์ทำการเทรดจำนวนมากในแต่ละวัน อาจเป็นสิบหรือหลายร้อยครั้ง เป้าหมายของการเทรดแบบสเกลป์คือการเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กมากในช่วงเวลาสั้น ๆ มักภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที ถึงแม้การเทรดแบบนี้จะเหมาะกับเทรดเดอร์หลายคน แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน เทรดเดอร์สไตล์นี้ต้องมีทักษะการตัดสินใจที่รวดเร็ว มีสมาธิสูง และมีวินัยที่เข้มแข็ง
แต่มีข้อควรระวัง การเทรดแบบสเกลป์ต้องใช้เวลาและสมาธิอย่างมาก หากคุณไม่พร้อมจะนั่งหน้าจอเป็นชั่วโมง ๆ หรือไม่สามารถรับมือกับความเครียดได้ดี นี่อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ
ถ้าคุณยังสงสัยว่าสเกลป์ปิ้งในเทรดใช้ทำอะไรบ้าง? มันมักจะถูกใช้ในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาดฟอเร็กซ์หรือฟิวเจอร์ส ซึ่งราคามีการเคลื่อนไหวรวดเร็วและบ่อยครั้ง เป็นสไตล์ที่ค่อนข้างยากและไม่เหมาะกับคนใจไม่แข็ง แต่สำหรับบางคน ความเร็วและความตื่นเต้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาก็สามารถทำกำไรได้จากมัน
ตอนนี้เมื่อเราเข้าใจการเทรดแบบสเกลป์แล้ว มาดูอีกสไตล์ที่เคลื่อนไหวเร็วเช่นกันอย่างการเทรดรายวัน (Day Trading)
Day Trading คืออะไร?
แล้วเดย์เทรดคืออะไรแน่? ตามชื่อของมัน Day Trading คือการเปิดและปิดสถานะการเทรดทั้งหมดภายในวันเดียวกัน หรือพูดง่าย ๆ คือคุณจะไม่ถือออร์เดอร์ค้างคืน คุณอาจสงสัยว่าการเทรดรายวันสำหรับผู้เริ่มต้นต่างจากการเทรดแบบสเกลป์ยังไง? สำหรับเดย์เทรด คุณอาจทำการเทรดน้อยกว่า อาจแค่ 2–5 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาถือออร์เดอร์อาจตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนถึงไม่กี่ชั่วโมง และคุณยังต้องคอยติดตามตลาดตลอดช่วงเวลาการเทรด
สำหรับผู้เริ่มต้น เดย์เทรดถือเป็นแนวทางยอดนิยมในการเริ่มต้น เพราะมันให้ผลตอบรับเร็วและช่วยให้คุณเข้าใจกลไกของตลาดได้ไว โดยไม่ต้องเผชิญกับความเครียดระยะสั้นแบบการเทรดสเกลป์
เมื่อคุณเริ่มทำความเข้าใจว่าเดย์เทรดคืออะไร คุณจะตระหนักได้ว่าความมีวินัยและการควบคุมอารมณ์คือทุกสิ่ง เพราะการเทรดแบบนี้ไม่ได้แค่คลิกปุ่มซื้อขาย แต่คือการบริหารความเสี่ยง ปฏิบัติตามระบบ และตอบสนองต่อความผันผวนของตลาดอย่างใจเย็น
ต่างจากการลงทุนที่เวลาจะอยู่ข้างคุณและแรงกดดันไม่สูง การเทรดรายวันสำหรับผู้เริ่มต้นต้องอาศัยการตัดสินใจจากรูปแบบราคาภายในวัน โมเมนตัม และความผันผวนของตลาด

Swing Trading คืออะไร?
แล้วถ้าคุณไม่อยากนั่งหน้าจอทั้งวันล่ะ? แบบนั้นจะทำยังไงดี? นั่นแหละคือจุดที่ Swing Trading เข้ามาเกี่ยวข้อง งั้นก่อนอื่นเรามาตอบคำถามสำคัญกันก่อนว่า Swing Trading คืออะไร?
Swing Trading คือการจับการเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่ในช่วงสั้นถึงปานกลาง โดยทั่วไปจะกินเวลาตั้งแต่สองสามวันไปจนถึงสองสามสัปดาห์ ในการเทรดแบบสวิง คุณจะถือออร์เดอร์ค้างคืน แต่ไม่ถือเป็นเดือน ๆ เป้าหมายคือทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่กว่าการเทรดภายในวัน แต่ไม่ยาวถึงแนวโน้มระยะยาว
เมื่อเปรียบเทียบกับการเทรดรายวันสำหรับผู้เริ่มต้น การเทรดแบบสวิงให้ความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะคุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าตลาดทุกนาที คุณสามารถวิเคราะห์ตลาดตอนเย็น วางคำสั่งซื้อขาย แล้วปล่อยให้การเทรดดำเนินไปตามแผนได้
สไตล์นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำงานประจำ เพราะต่างจากการเทรดแบบสเกลป์ คุณไม่ต้องพึ่งพาการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของราคา แต่จะเน้นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่าและมีความหมายมากกว่า
การเข้าใจความแตกต่างหลักระหว่าง Swing Trading กับ Day Trading เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจุดต่างที่สำคัญที่สุดคือ “เวลา” การเทรดรายวันสำหรับผู้เริ่มต้นจะต้องปิดทุกออร์เดอร์ภายในวันเดียว ขณะที่การเทรดแบบสวิงสามารถปล่อยให้เทรดดำเนินไปได้หลายวันหรือแม้แต่หลายสัปดาห์
Swing Trading ต่างจาก Day Trading อย่างไร?
เมื่อคุณเข้าใจทฤษฎีแล้ว มาดูตารางเปรียบเทียบกัน นี่คือความแตกต่างหลักระหว่าง Swing Trading และ Day Trading:
| เกณฑ์ | Day Trading | Swing Trading |
| กรอบเวลา | นาทีถึงชั่วโมง | วันถึงสัปดาห์ |
| ระยะเวลาการถือออร์เดอร์ | ไม่มีการถือข้ามคืน | ถือออร์เดอร์ค้างคืน |
| ความถี่ในการเทรด | หลายครั้งต่อวัน | ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ |
| การติดตามตลาด | สูง | ปานกลาง |
| เหมาะสำหรับ | เทรดเดอร์เต็มเวลา | เทรดเดอร์ที่เทรดหลังเลิกงานหรือนอกเวลา |
Positional Trading คืออะไร?
ตอนนี้เมื่อเราได้พูดถึงสไตล์การเทรดหลายแบบแล้ว มาดูสไตล์ที่ช้าที่สุดแต่มีความเป็นกลยุทธ์มากที่สุดกัน นั่นคือการเทรดแบบ Positional Trading แล้ว Positional Trading คืออะไร? มันคือแนวทางการเทรดระยะยาวที่เทรดเดอร์จะถือออร์เดอร์เป็นสัปดาห์ เดือน หรือบางครั้งอาจนานเป็นปี การเทรดแบบนี้จะเน้นไปที่แนวโน้มหลักของตลาดและปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค มากกว่าความผันผวนระยะสั้น
ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่เชื่อในการเคลื่อนไหวแบบ “ภาพรวมใหญ่” และต้องการใช้เวลาอยู่หน้าจอน้อย การเทรดแบบ Positional Trading อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคุณ!
ตรงกันข้ามกับการเทรดแบบสเกลป์ ที่มักเกี่ยวข้องกับการเทรดหลายสิบครั้งต่อวัน การเทรดแบบโพสิชั่น (Position Trading) มักจะมีเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี การเทรดแบบนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึก ความอดทน และความเข้าใจในวัฏจักรของตลาด ดังนั้นเมื่อเราถามว่า Positional Trading คืออะไร จริง ๆ แล้วเรากำลังถามว่าคุณพร้อมหรือไม่กับการเทรดที่ช้า การตั้งจุดหยุดขาดทุนที่กว้าง และผลลัพธ์ที่ต้องใช้เวลา? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” การเทรดแบบนี้อาจเป็นสไตล์ที่เหมาะกับคุณ
จับคู่ไลฟ์สไตล์ของคุณกับสไตล์การเทรด
พูดกันตามตรง ไม่มีสไตล์การเทรดแบบใดที่ “ดีกว่า” อีกแบบหนึ่ง สิ่งสำคัญคือการหาสไตล์ที่เข้ากับชีวิต บุคลิก และระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เมื่อคุณตัดสินใจได้ว่าตัวเองอยากเป็นเทรดเดอร์แบบไหน คุณก็สามารถเลือกสไตล์การเทรดที่เหมาะกับคุณได้ ดังนั้นเมื่อคุณจะเลือกสไตล์ ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:
- คุณสามารถแบ่งเวลาให้กับการเทรดได้มากแค่ไหนในแต่ละวัน?
- คุณสามารถรักษาความสงบภายใต้ความกดดันได้หรือคุณชอบจังหวะที่ช้ากว่า?
- คุณชอบความตื่นเต้นในระยะสั้น หรือชอบกลยุทธ์ระยะยาวมากกว่า?
คำตอบของคุณสำหรับคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดแนววิธีการเทรดให้เข้ากับจุดแข็งของตัวเอง หากคุณเป็นคนที่ตัดสินใจรวดเร็วและชอบเห็นผลไว การเทรดแบบสเกลป์อาจเหมาะกับคุณ แต่ถ้าคุณเป็นคนรอบคอบและมีความอดทน การเทรดแบบโพสิชั่นอาจเหมาะกว่า
สรุป – สไตล์การเทรด: Scalping, Day, Swing, Position
การเลือกสไตล์การเทรดเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดของเทรดเดอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้น เพราะมันส่งผลต่อทุกสิ่ง ตั้งแต่การวางแผนประจำวัน การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงวิธีการประเมินความสำเร็จของคุณ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะกำลังศึกษาว่า Day Trading คืออะไร ทดลองเทรดแบบสเกลป์ หรือแค่สำรวจว่า Positional Trading เป็นอย่างไร จงจำไว้ว่าความสม่ำเสมอมาจากการ “สอดคล้อง” หาแนวทางที่เหมาะกับตัวคุณ ทดสอบมัน และยึดมั่นกับมัน!
พร้อมหรือยังสำหรับคอร์สการเทรดถัดไป? ถ้าใช่ ลองติดตามอ่านต่อที่ EC Markets Academy ที่เราจะพาคุณไปสำรวจหัวข้อการเทรดใหม่ ๆ ที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้! แล้วพบกันในคอร์สต่อไป!